รายการ สถานีสุวรรณภูมิ

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน




คือบัณฑิตเพลิงชมพูครุศาสตร์
มหาบัณฑิตสมมาดสาวอักษร
จามจุรีศรีจุฬาถิ่นนาคร
ที่เสกพรให้เป็น"ครู"รู้ค่างาน

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

มุมมองของคุณโชคชัย บัณฑิตต่อการเรียนการสอนวิชาพินิจวรรณกรรมซีไรต์

๕. คุณโชคชัย บัณฑิต กวีซีไรต์ปี ๒๕๔๔ จากผลงานกวีนิพนธ์ บ้านเก่า แสดงทัศนะว่า


" ผมว่าการเรียนการสอนแบบนี้ ทำให้เด็กสนใจมากขึ้น เพราะได้พบกับเจ้าของผลงาน..สมัยผมตอนเด็กๆอยากเจอนักร้องที่เราชอบ..พอเจอแล้วก็ติดตามผลงาน สำหรับนักเรียน..อาจได้แรงบันดาลใจเป็นแรงกระตุ้น ให้เกิดการเรียนรู้ โดยเฉพาะการอ่าน..นิสัยรักการอ่าน
อีกอย่างนักเรียนได้เปลี่ยนบรรยากาศการเรียนรู้...ไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องเรียนอย่างเดียว นำไปสู่การสร้างสัมพันธภาพและได้สังคมอีกรูปแบบหนึ่ง..."


CIMG7521

CIMG7534

CIMG7476

CIMG7505

CIMG7471

52 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 20:49

    กวีนิพนธ์เรื่อง บ้านเก่า ตอน "มิตรภาพในตรอกซอย"

    ร้านขายของชำประจำตรอก
    ทุกซอกตรอกซอยเหมือนน้อยค่า
    สะดวกซื้อคือร้านศูนย์การค้า
    ฉกขาประจำของชำเรา
    ยิ่งมินิมาร์ทระบาดทั่ว
    เสนอตัวปากตรอกซอกอับเฉา
    แอร์คอนดิชั่นร้อนบรรเทา
    กระหน่ำความร้อนเร่าลดราคา
    ร้านขายของชำแสนช้ำชอก
    เดินออกปากซอยแทบสิ้นขา
    ด้อยยุทธการหมดร้านค้า
    ไร้บัตรเพิ่มค่าสมาชิกฯลฯ
    เป็นไม้ต่อยอดย่อมรอดง่าย
    ไม้ชำต่ำใต้ใบงอหงิก
    ร้อนไปชุ่มไปอาจพ่ายพลิก
    ขลุกขลิกขลุกขลักไร้ศักดา
    ร้านขายของชำประจำตรอก
    ทุกซอกตรอกซอยหรือน้อยค่า
    ขาดเหลือเชื่อใจไว้พูดจา
    เครดิตสูงกว่าสมาชิก
    จึงคนเข้าออกในตรอกกว้าง
    ไม่ร้างไมตรีไม่ตุกติก
    อาจเป๋นขาจรร้อนเหงื่อซิก
    ก่อนพลิกฐานะขาประจำ

    ตอบลบ
  2. กวีนิพนธ์เรื่องบ้านเก่า ตอน "สองหู"

    ฟากนี้มีศพสงบสงัด
    อีกฟากของวัดจัดเลี้ยงอาหาร
    ฉลองบวชนาคมากมายรายการ
    เบิกบานงานบวชเคล้าสวดงานตาย
    ระนาดตะโพนเผ่นโผนเปิงมาง
    สองหูสองข้างสองทางสองสาย
    ลูกทุ่งกระหึ่มกันตรึมกระจาย
    แยกขวาแยกซ้ายงานตายงานเป็น
    เป็นนาคมนุษย์ที่สุดเป็นพระ
    แสนสมถะหมายจะพบเห็น
    อีกฟากงานตายสัมปรายร่มเย็น
    รอลวกไฟเมรุเป็นเถ้าธุลี
    พระสวดเสียงค่อยหยาดย้อยปี่พาทย์
    อย่าหมายประมาทไม่อาจหลีกหนี
    เครื่องไฟเสียงลั่นประชันดนตรี
    พรุ่งนี้ห่มผ้ากาสาวพัสตร์
    นั่งในงานศพสงบในทุกข์
    สนุกในเพลงครัดเคร่งข้องขัด
    ใช้หูข้างใหนฟังได้แจ่มชัด
    สงบสงัดในอลเวง

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:07

    ดิฉัน น.ส เพียงมนต์ มุ้ยจีน เลขที่ 32 ม.4/4
    มุมมองของดิฉันที่มีต่อ กวีนิพนธ์เรื่องบ้านเก่า ตอน "สองหู" ของคุณโชคชัย บัณฑิต

    จากที่ดิฉันได้แปลความหมายและตีความแล้วดิฉันคิดว่าบทกวีนี้เปรียบได้กับสังคมในยุคสมัยนี้มาก ๆๆ เพราะว่าคุณโชคชัยได้แต่งไว้ประมาณว่า มีงาน ศพและงานบวชจัดงานอยู่ใกล้ ๆ กันทำให้เกิดความวุ่นวาย สับสน โดยกล่าวถึงผู้คนที่อยู่ระหว่างสองงานนี้ที่หูทั้ง 2 ข้างต้องได้ยินสิ่งที่ไม่เหมือนกันข้างนึงฟังเพลงลูกทุ่งรื่นเริงอีกข้างก็ฟังเสียงเพลงงานศพเศร้า อีกฟังนึงเสียงคนเฮฮาอีกฝั่งนึงเป็นเสียงผู้คนร้องไห้ทำให้ผู้คนที่อยู่ระหว่างงานเหล่านั้นต้องเลือกฟัง ในมุมมองของดิฉันคิดว่าผู้แต่งต้องการสื่อให้ผู้อ่านได้รับรู้ถึงสิ่งสองสิ่งที่ขัดแย้งกันฝั่งนึงดีฝั่งนึงอาจจะร้าย ดังนั้นการที่เราจะทำอะไรจะตัดสินใจอะไรควรเลือกให้ดีให้รอบคอบว่าเราเหมาะควรกับสิ่งไหน เหมือนหู2ข้างที่ต้องเลือกฟังงานศพและงานบวชดังในบทกวี .....

    ขอบคุณค่ะ :))

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:16

    นางสาว ศิรินภา วรรณโสภา
    ชั้น ม.4/6 เลขที่ 42

    เรื่อง มิตรภาพในตรอกซอย
    เนื้อเรื่องนี้เกี่ยวกับสมัยนี้ไม่ค่อยมีคนที่นิยม
    เข้าพวกมินิมาร์ท ร้านค้าหรูๆที่มีแอร์บ้าง
    ไม่ค่อยที่จะเข้าร้านที่ไม่ค่อยมีแอร์บ้าง
    ไม่มีของหรูๆบ้าง ร้านที่ไม่มีของที่น่าสนใจบ้าง
    ไม่มีของที่ลดราคาเหมือนในมินิมาร์ท
    ไม่มีโปรโมชั่นถูกๆ เหมือนที่เคยชื้อ
    เดียวนี้ก็เลยไม่ค่อยมีใครที่จะเข้าพวกร้าน
    ที่อยู่ตามซอกซอยกันสักเท่าไหร่
    เพราะเดียวนี้มักทื่จะเข้าพวกแบบหรูๆ
    พวกที่มินิมาร์ทบ้าง อะไรบ้างที่มันไม่ใช่ร้าน
    ที่อยู่ตามซอกซอย

    มุมมองที่ดิฉันมองว่า

    เราควรที่จะหันมาเข้าร้านตามซอกซอยบ้างก็ได้
    เพราะร้านที่ตามซอกซอยมันก็เหมือนร้านที่หรูๆ
    ตามที่เราเคยเดิน มันก้มีของเหมือนในมินิมาร์ท
    เพราะเดียวนี้ร้านที่อยู่ตามซอกซอยเหมือนมันไร้ค่า
    ไม่มีราคาเหมือนในมินิมาร์ ไม่ค่อยดุมีราคาเท่าไหร่
    คนเดียวนี้เข้ามินิมาร์ทจนเข้าเหมือนบ้านตัวเองไปแล้ว
    เข้าเป็นร้านประจำไปแล้ว เข้าทุกวันไม่มีวันเว้น
    แต่ร้านที่ตามซอกวอยเนี่ยไม่ค่อยที่จะเข้ากัน
    ถ้ามันไม่จำเป็นจริงๆ ก้ไม่ค่อยที่จะเข้ากันสักเท่าไหร่
    จนร้านค้าที่อยู่แถวตามซอกซอยเหงาเหมือนป่าช้า
    เหมือนระแวกนั้นไม่มีคนแม้แต่คนเดียว

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:16

    น.ส.นทีทิพย์ บินโอมา เรื่อง"มิตรภาพในตรอกซอย"...
    เรื่องนี้เกี่ยวการขายของชำที่อยู่ในตรอกซอกซอย สมัยก่อนไม่ต้องมีบัตรก็สามารถซื้อของได้ที่ตัวเองต้องการหรือบ้างทีเราไม่มีเงินเราก็เอาของไปแลกก็ได้ไม่ต้องเอาบัตรใช้ให้เสียเวลาพอเราใช้บัตรเราก็ต้องไปเสียเงินทีหลังอีก ไม่เหมือนสมัยนี้เราก็ใช้แต่บัตรหรือการ์ด เงินสดเดี๋ยวนี้คนเราไม่ค่อยได้พกกันสักเท่าไรพอเวลามีปัญหาเราก็ไม่มีเงินสดให้คนที่ต้องการ แล้วบ้างทีก็มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องเลยทำอะไรๆได้ง่ายขึ้นสะดวกสบายเลยทำให้คนเราติดสบาย สะดวกและความรวดเร็ว ก็เลยคนบ้างคนเลยติดนิสัยทำอะไรไม่เป็นเลย...

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:18

    น.ส.วิจิตตรา ฟักทับทิม ม.4/5

    เรื่องมิตรภาพในตรอกซอย

    เนื้อหานั้นได้กล่าวว่าร้านขายของในแต่ละซอยนั้นจะมีการเปิดขายโดยทั่วไป
    ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีร้านมินิมาร์ทไม่มีโลตัสไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนักแต่พอมีการเริ่มเปิดมินิมาร์ทผู้คนจะไม่นิยมเข้าร้านขายของชำลูกค้าประจำของร้านก็หายไปหมดหันไปเข้าร้านมินิมาร์ทแทนเพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้ามิหน่ำซ้ำยังมีการลดแลกแจกแถมมากมายมีบัตรเพิ่มค่าสมาชิกแม่ค้าขายที่ขายของชำตามซอยต่างๆก็ไม่มีความน่าเชื่อถือพูดอะไรก็หมดราคาหมดเครดิตเพราะผู้คนส่วนมากจะชอบความสะดวกสบาย
    ของก็น่าซื้อกว่าทำให้แม่ค้าที่ขายของชำตามซอยต่างๆขาดลูกค้าประจำไป
    เพราะยุคสมัยนี้มีร้านค้าจำพวกที่สะดวกสบายมากมาย

    มุมมองของดิฉันที่มีต่อ
    กวีนิพนธ์เรื่อง บ้านเก่า ตอน "มิตรภาพในตรอกซอย"
    ดิฉันว่าจากที่อ่านแล้วเป็นความจริงของยุคสมัยนี้เพราะผู้คนชอบที่จะซื้อเลือกซื้อของตามเซเวนโลตัสบิ๊กซีหรือตามที่มีการขายของราคาถูกผู้คนส่วนมากจะเลือกหาแต่ของถูกหรือที่มีการลดราคากระหน่ำเพราะของดูใหม่กว่าร้านขายของชำตามตรอกซอกซอยต่างๆในขณะเดียวกันร้านขายของชำตามซอยจะไม่ค่อยสะอาดจะมีการเก็บเอาอาหารที่บูดไว้ด้วยไม่ค่อยใส่ใจสักเท่าไหร่ฝุ่นจับของที่ตนขายที่พูดก็เพราะดิฉันก็เห็นมาแล้วในหลายๆร้านเหตูเช่นนี้ผู้คนจึงไม่ค่อยให้ความสำคัญแก่ร้านขายของชำทำให้แม่ค้าร้านขายของชำต้องเสียลูกค้าประจำกันไป

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:19

    น.ส.พนิดา เกตุพจน์ ชั้นม.4/5

    ความคิดเห็นต่อกวีนิพนธ์เรื่อง บ้านเก่า ตอน "มิตรภาพในตรอกซอย"

    สำหรับเนื้อหาเรื่อง มิตรภาพในตรอกซอย เกี่ยวกับ ภายในซอยหนึ่งมีร้านขายของชำธรรมดา ที่มีครบทุกอย่าง มีลูกค้าจาประจำมากมาย แต่แล้ววันหนึ่ง ระบบการค้าแบบเฟรนไชส์ อย่างมินิมาร์ทก็เข้ามามีบทบาทอย่างมาก
    เพราะมินิมาร์ทมีทุกอย่างครบวงจร มีเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ไม่เหมือนร้านค้าทั่วไป

    สำหรับความรู้สึกของดิฉันที่มีต่อกวีนิพนธ์เรื่องบ้านเก่า ตอน มิตรภาพในตรอกซอย อ่านแล้วมันเป็นความจริงสุดๆ คนไทยเป็นพวกสังคมนิยม ชอบเห่อของใหม่ ยิ่งตอนที่มินิมาร์ทเริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทย ตอนนั้นเป็นยุคที่ใครๆก็เห่อสุดๆ ทว่า ไม่นาน 7-11 ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทแทนที่ และระบบการขายแบบเฟรนไชส์ก็ทยอยตามมาเรื่อยๆ ตอนที่ 7-11 บูมใหม่ๆ มินิมาร์ท หรือการค้าแบบอื่นๆก็ถูกเบียดตกขอบเวทีไปเลย อย่าเช่นหน้าปากซอยบ้านของดิฉัน ในอดีตเคยมีมินิมาร์ท ผู้คนก็เข้าไปจับจ่ายใช้สอยกันตามปกติ ส่วนร้านค้าทั่วไปก็อย่าพูดถึง แน่นอนว่าย่อมมีรายได้น้อยลงอย่างแน่นอน ผ่านไปสองสามปี 7-11 ก็เข้ามาถึงบ้านของฉัน แถมยังเปิดแข่งอยู่ข้างๆกันอีก ครึ่งปีหลังจากนั้น มินิมาร์ทก็เจ๊งไปเหลือเพียง 7-11 ตั้งฉายเดี่ยวอยู่ที่เดียว ไม่แน่ อนาคตอาจมีกิจการร้านเฟรนไชส์ที่สามารถทำให้ 7-11 ตกขอบเวทีก็เป็นได้ กวีนิพนธ์เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงสภาพสังคมความเป็นอยู่ของคนไทยจริงๆ

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:19

    น.ส.ชุติกาญจน์ ทองคำสาร ชั้นม.4/5

    กล่าวถึงกวีเรื่อง"บ้านเก่า"ตอน มิตรภาพในตรอกซอย
    เนื้อหาเกี่ยวกับร้านขายของชำตามซอยหมู่บ้าน
    ที่มีเกือบทุกๆซอยหลายร้านเลยทีเดียว
    ขายของใช้หลายอย่างมากมาย แต่พอเวลาเปลี่ยนโลกเราก็เปลี่ยน
    ตามกาลเวลามีห้างสรรพสินค้ามาเปิดใหม่มากมาย พร้อมด้วยความ
    สะดวกสบาย คนก็เลยแห่ไปใช้บริการห้างสรรพสินค้ากันหมดเพราะว่า
    มีโปรโมชั่นเยอะกว่า เช่น ลดราคา ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง จิปะทะมากมาย
    ทำให้ร้านขายของชำไม่มีคนซื้อ ขาดรายได้ลูกค้าหนีหายกันหมด
    เจ้าของร้านก็เดือดร้อน และอีกต่อไปก็อาจจะไม่มีร้านขายของชำ-
    อีกเลยก็เป็นได้

    "มุมมองของดิฉันที่มีต่อเรื่องนี้"
    ก็จริงอย่างที่คุณครู นัยนาบอกเพราะว่าสมัยนี้ประเทศเราก็เต็มไป-
    ด้วยเทคโนโลยีมากมาย ห้าง ร้านสะดวกซื้อก็เต็มไปหมด
    ผูคนก็แห่ทยอยกันไปใช้บริการ
    ทำให้ร้านค้าที่มีอยู่ในหมู่บ้านขาดรายได้ เดือดร้อนไปตามๆกัน
    ดูไร้ค่าบางร้านก็ถึงกับต้องปิดตัวลงไปอย่างน่าเสียดาย..นี่แหละ
    ชีวิตของมนุษย์เรา.T^T

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:21

    น.ส.ชลนิชา ทินบุตร ม.4/6

    เนื้อหาเกี่ยวกับการค้าร้านค้าที่มีมากมายปัจจุบันนี้มี
    แต่ผู้คนเข้าซื้อของกันมากมายเดินเข้าออกแต่ร้านค้า
    ในสมัยก่อนมีแต่ร้านของชำแต่ในปัจจุบันตอนนี้มีแต่สิ่ง
    ใหม่ๆเข้ามามีมินิมาร์มีร้านค้าที่หรูมากขึ้นทุกคนเลย
    ต่างก็พากันเข้าซื้อของกัลมากมายร้านค้ามีอยู่ทุกที่มีทั้งในซอย
    และนอกซอย

    มุมมองของดิฉัน
    ในสมัยก่อนมีแต่ร้านของชำมากมายแต่ในปัจจุบันนี้
    มีแต่ร้านมินิมาร์และร้านหรูๆสะดวกซื้อของกัน
    ร้านมินิมาร์มีอยู่ทั้งในซอยและนอกซอยมีอยู่ทุกที่
    ผู้คนพากันเดินเข้าออกซื่อของกันเพราะสะดวกสบาย
    แต่มีผู้คนส่วนใหญ่เข้าแต่ร้านที่หรูๆกันมีราคาต่างกัน
    มีทั้งราคาแพงและไม่แพงแตกต่างกันออกไป

    ตอบลบ
  10. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:21

    น.ส.นิภารัตน์ ศรีพิโรจน์ ชั้น ม 4/6 เลขที่ 38

    เนื่อหาเกี่ยวกับร้านขายของชำที่เปิดมานานแต่ในปัจจุบันมี สะดวกซื้อคือร้านศูนย์การค้าเต็มไปหมด

    มุมมอง
    ในอดีตร้านขายของชำเป็นร้านที่ขายดีที่สุด แต่ปัจจุบันได้มีร้านสะดวสกซื้ออยู่เต็มทั่วทุกพื้นที่และยิ่งเป็นในกรุงเทพฯมีอยู่ทุกตรอกทุกซอยถ้าถามถึงข้อดีของร้านสะดวกซื้อมีอยู่มากเช่นราคาอาจจะถูกกว่าร้านขายของชำปกติและประหยัดเวลาในการซื้อของต่างๆ ข้อเสียของมันก็มี แต่อาจจะมีข้อดีมากกว่าในความคิดของฉัน ฉันไม่รู้ว่าความคิดคนอื่นอาจจะคิดว่าร้านสะดวกซื้อมีข้อเสียมากกว่าก็ได้ ถามถึงคนในเมืองมักจะชอบความสะดวกสบายและยังชอบที่จะประหยัดเงินในกระเป๋าตัวเองอีกด้วย แต่ร้านขายของชำอาจจะไม่ชอบร้านสะดวกซื้อเพราะลูกค้าประจำของร้านขายของชำมักจะชอบไปเดินในร้านสะดวกซื้อ เพราะร้านสะดวกซื้อมีแอร์ในการทำให้ลูกค้าเข้าไปเดินเนื่องจากร้านสะดวกซื้อจะไม่ร้อนแล้วยังทำให้ลูกค้าเดินซื้อของได้นานอีกด้วย

    ตอบลบ
  11. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:26

    น.ส.ศศิธร ดอกพอง ม.4/5

    1.บทกวีเรื่อง บ้านเก่า ตอน "มิตรภาพในตรอกซอย"

    เนื้อหากล่าวถึง...

    เรื่อง ร้านของชำกับร้านมินิมาร์ สมัยก่อนที่มินิมาร์ยังไม่ก่อตั้ง ร้านของชำ เต็มไปด้วยลูกค้ามากมายที่พากันอุดหนุนไม่เว้นแต่ล่ะวัน แต่วันหนึ่งมินิมาร์ถูกสร้างขึ้นหน้าซอย ผู้คนต่างพาไปอุดหนุนร้านมินิมาร์โดยมีโปรโมชั่นต่างๆ ที่ดึงดูด ชักจูงลูกค้าให้เข้ามาซื้อของ แล้วยังมีแอร์ที่ให้ความเย็น ความสบายให้แก่ลูกค้า ส่วนร้านของชำมีแต่พัดลม ไม่มีโปรโมชั่น ร้านก็ตั้งไม่เด่นนัก ทำให้ลูกค้าไม่ค่อยได้สนใจร้านของชำเท่าไหร่ จะมุ่งเน้นในมินิมาร์อันสะดวก สบายมากกว่า.

    มุมมองของฉัน

    ฉันคิดว่าใบกวีบทนี้ ชี้ให้เห็นถึงปัจจุบันระหว่างร้านของชำตามตรอกเล็กๆ กับร้านมินิมาร์หน้าซอยเห็นสะดวก คนสมัยนี้นิยมให้ความสำคัญภาพลักษณ์ภายนอก มุมมอง โปรโมชั่นเป็นอย่างมาก ทั้งความสะดวกสบาย สินค้ามากมายให้เลือกซื้อ ทั้งที่ร้านของชำเล็กๆ ไม่ค่อยมีคนมาอุดหนุนเพราะว่าไม่มีความสะดวกสบายแอร์ก็ไม่มี โปรโมชั่นก็ไม่มี ทำให้ร้านขายของชำหลายๆ รายท้อใจในการทำธุรกิจเล็กๆ ของเขาได้ ทั้งที่เมื่อก่อนร้านชำมากมายต่างให้ความสะดวกให้แก่ลูกค้าเลือกซื้อของเล็กๆ น้อยๆ แต่สมัยนี้อะไรก็ต้องมินิมาร์ สินค้ามากมายรวมกันอยู่ในที่เดียว มีขนมปัง ไส้กรอก ซาลาเปา สินค้าล่อตาล่อใจเยอะแยะมากมาย ราคาก็ไม่ต่างอะไรกับร้ายขายของชำมากนัก ส่วนฉันเองก็ไม่ค่อยได้เข้าร้านขายของชำแล้ว เพราะฉันไม่ค่อยชอบแม่ค้าสักเท่าไหร่ เพราะเขาเอาแต่นั่งดื่มกับเพื่อนฝูง หน้าตาไม่ค่อยรับลูกค้า ไม่เป็นมิตร สำหรับฉันเจอแบบนี้ก็ไม่ค่อยจะเยอะแต่ก็ทำให้ฉันไม่อยากซื้อร้านนั้นอีกเลย หันมาซื้อมินิมาร์แทน อาจจะไกลกว่านิดหน่อยแต่การต้อนรับก็ดีกว่า แต่ร้านขายของชำมากมายก็แข่งขันกันเยอะมาก มีร้านดีบางไม่ดีบางแต่ แต่ภาพลักษณ์ภายนอกจะไม่เหมือน คนจะซื้อร้านที่สะอาดตา ดูมีสินค้าขายเยอะทันสมัย กว่าร้านค้าเล็กๆ แต่ฉันคิดว่าร้านขายของชำถ้าทำดีๆ แล้วมันก็ไม่ต่างอะไรกับมินิมาร์มากนัก

    ตอบลบ
  12. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:27

    น.ส.ซัลมา รัตนสินอนันต์
    เรื่องมิตรภาพในตรอกวอย
    ปัจจุบันร้านขายของชำที่เคยมีตามตรอกซอยเริ่มไร้ค่าลงทุกทีเพราะในปัจจุบันมีร้านค้าร้านสะดวกซื้อเพิ่มขึ้นมากมายคนก็เลยนิยมซื้อของตามร้านสะดวกซื้อมากกว่าคนที่เคยซื้อของร้านของชำประจำก้โดนร้านสะดวกซื้อแย่งไปอีกทั้งร้านสะดวกซื้อมีวิธีเรียกลูกขามีทั้งแอร์ช่วยระบายความร้อนมีทั้งบัตรสมาชิกช่วยเรียกลูกค้าอีกทั้งเดินสบายมีทั้งลดราคามีทั้งของแจก ร้านขายของชำในปัจจุบันก็เลยไม่มีลูกค้าไม่มีรายได้ของที่ซื้อมาก็ไม่มีใครซื้อ
    ทั้งที่ร้านขายของชำยังเข้าใจเรามากกว่าเวลาที่เราไม่มีเงินเขาก็ผ่อนให้แต่ร้านสะดวกซื้อไม่มีการติดไม่มีการผ่อนอีกทั้งร้านขายของชำก็คนกันเองมีไมตรีแถมเชื่อใจกันมีอะไรก็ช่วยกันดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกันทุกคนก็เคยเป็นขาจรก่อนจะเป้นก็ต้องทนเหงื่อตกกันบ้างจนได้มาเป็นขาประจำความจริงเราควรช่วยเหลือพี่ๆๆน้องๆๆเรามากกว่าช่วยกันอุดหนุนเค้าเพราะร้านสะดวกซื้อส่วนใหญ่ก้เป็นของพวกต่างชาติทั้งนั้นหละทำไมเราไม่อุดหนุนคนไทยด้วยกันเองก่อนจะดีกว่าอย่าให้ต่างชาติเข้าครอบครอง

    ตอบลบ
  13. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:28

    น.ส.อนงค์นาฏ หวังจันทร์ ชั้น ม.4/6 เลขที่39

    เรื่อง"มิตรภาพในตรอกซอย"
    เนื้อหาเรื่องนี้เกี่ยวกับร้านขายของชำตอนสมัย
    ก่อนจะมีร้านขายของชำประจำซอยบ้านแต่
    ตอนนี้ไม่ค่อยมีคนเข้าร้านค้าส่วนมากจะมา
    ใช้แต่ร้านมินิมาร์เพราะว่าในมินิมาร์ตอนนี้มีแอร์
    ช่วยลดความร้อนในตัวและยังมีการลดราค้าอย่าง
    กระหน่ำจึงทำให้ชาวบ้านในตรอกซอยต่าง ๆ
    หันมาใช้แต่มินิมาร์แม้จะมีค่าสมาชิกในมินิมาร์
    มากกว่าค่าสินค้าในร้านมินิมาร์ก็ตาม

    มุมมองของเรา

    ในปัจจุบันชาวบ้านในตอนนี้ส่วนมากจะหันมาใช้
    แต่มินิมาร์ไม่ค่อยมีชาวบ้านไปใช้ร้านขายของชำ
    ส่วนมากมินิมาร์จะอยู่หน้าซอยต่าง ๆ ซึ่งมันจะไกลจากบ้านมาก
    แต่ถ้าเป็นร้านขายของชำจะอยู่ใก้ล ๆ บ้านมากกว่าร้านมินิมาร์
    ไม่ว่าเราจะซื้ออะไรก็จะเดินไปสะดวกกว่าร้านมินิมาร์ถึงแม้จะ
    ร้านมินิมาร์ลดราค้าแต่ร้านขายของชำไม่มีการคิดค้าสมาชิกเลย

    ตอบลบ
  14. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:29

    น.ส.ปิยดาพร หงษ์ประเสริฐ ม4/6 เลขที่36 (นักเรียนวิชาเพิ่มเติมพินิจวรรณกรรมซีไรต์)

    จากเรื่อง "มิตรภาพในตรอกซอย" ได้กล่าวถึงการที่มีลูกค้ามาซื้อข้าวของต่างๆจนเป็นขาประจำร้านชำเล็กๆ ซึ่งขายอยู่ตามตรอกซอยต่างๆได้ย้ายไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อหรือร้านมินิมาร์ทซึ่งเป็นศูนย์การค้าเเละมีวิธีขายที่สามารถเรียกลูกค้าต่างๆมาซื้อ สามารถสมัครเป็นสมาชิกบ้าง ซื้อของในราคาที่ถูกกว่าของตามท้องตลาดทั่วๆไปบ้าง เเละมีส่วนลดพิเศษอีกมากมายมาเสริมมาเสริมบ้าง ยิ่งทำให้ร้านชำเล็กๆต่างๆขายไม่ค่อยดีกว่าที่ควรจะเป็นนัก

    ตอบลบ
  15. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:29

    น.ส.ชุติกาญจน์ ทองคำสาร ชั้นม.4/5

    กล่าวถึงกวีเรื่อง"บ้านเก่า"ตอน มิตรภาพในตรอกซอย
    เนื้อหาเกี่ยวกับร้านขายของชำตามซอยหมู่บ้าน
    ที่มีเกือบทุกๆซอยหลายร้านเลยทีเดียว
    ขายของใช้หลายอย่างมากมาย แต่พอเวลาเปลี่ยนโลกเราก็เปลี่ยน
    ตามกาลเวลามีห้างสรรพสินค้ามาเปิดใหม่มากมาย พร้อมด้วยความ
    สะดวกสบาย คนก็เลยแห่ไปใช้บริการห้างสรรพสินค้ากันหมดเพราะว่า
    มีโปรโมชั่นเยอะกว่า เช่น ลดราคา ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง จิปะทะมากมาย
    ทำให้ร้านขายของชำไม่มีคนซื้อ ขาดรายได้ลูกค้าหนีหายกันหมด
    เจ้าของร้านก็เดือดร้อน และอีกต่อไปก็อาจจะไม่มีร้านขายของชำ-
    อีกเลยก็เป็นได้

    "มุมมองของดิฉันที่มีต่อเรื่องนี้"
    ก็จริงอย่างที่คุณครู นัยนาบอกเพราะว่าสมัยนี้ประเทศเราก็เต็มไป-
    ด้วยเทคโนโลยีมากมาย ห้าง ร้านสะดวกซื้อก็เต็มไปหมด
    ผูคนก็แห่ทยอยกันไปใช้บริการ
    ทำให้ร้านค้าที่มีอยู่ในหมู่บ้านขาดรายได้ เดือดร้อนไปตามๆกัน
    ดูไร้ค่าบางร้านก็ถึงกับต้องปิดตัวลงไปอย่างน่าเสียดาย..นี่แหละ
    ชีวิตของมนุษย์เรา.T^T

    ตอบลบ
  16. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:31

    น.ส.นัทติยา บุญเพ็ง ม.4/6
    กวีนิพนธ์เรื่อง บ้านเก่า ตอน "มิตรภาพในตรอกซอย"
    เรื่องนี้เป็นการเปรียบเทียบระหว่าง สมัยก่อนที่เราคิดว่าการค้าของเเต่ละปี ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรหรือการ์ดเพื่อความสะดวก เเละอยู่ตามตรอกเเละซอย สมัยก่อนใช้เเต่เงินหรือสตางค์ ในสมัยนี้ใช้เทคโนโลยีมาก มีความต้องการทางเรื่องสินค้าสมัยนี้จะหาร้านค้าชำ ก็ยังไม่มีให้เราเห็นเเต่บางร้านก็ยังคงอนุรักษ์ความเป็นโบราณของสมัยนั้นและหนูคิดว่าคนสมัยก่อนดีกว่าคนสมัยนี้คะเเละยังเป็นการค้าขายทำมีจำนวนมากเเละหนูการที่เราเปรียบเทียบของการค้า คิดเเบบสบายสะดวกเเละรวดเร็วเเละเปนการมาขายกันเเพงๆเเละราคาสูง เเละคิดร้านของเเต่เเละประเภทเเละความจำเป็นใช้ว่าตัวว่าการเปลี่ยนเเปลงมีมากมายเเละความจำเป็นเเต่ละสมัย

    ตอบลบ
  17. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:33

    ดิฉัน น.ส เพียงมนต์ มุ้ยจีน เลขที่ 32 ม.4/4
    มุมมองของดิฉันทีมีต่อ กวีนิพนธ์เรื่อง บ้านเก่า ตอน "มิตรภาพในตรอกซอย" ของคุณ โชคชัย บัณฑิต

    ดิฉันต้องขอบอกก่อนเลยว่าโดยส่วนตัวดิฉันชื่นชอบบทกวีนี้เป็นอย่างมาก เพราะบทกวีนี้ได้พูดถึงความซื่อสัตย์ การเปลี่ยนแปลงของผู้คนเพื่อรับยุคสมัยใหม่จนลืมสิ่งที่ตนเคยทำเคยปฎิบัติมาตั้งแต่เกิด ดังเช่นในบทกวีที่ผู้เขียนแต่งไว้ประมาณว่า ร้านขายของชำที่ประจำอยู่ในซอยที่ผูกพันธ์กับผู้คนในซอยมาช้านานก็ยังสู้ร้านศูยน์การค้าใหญ่ ๆ มินิมาร์ท ที่แอร์เย็นฉ่ำไม่ได้เพราะว่าร้านมินิมาร์ทใหญ่ ๆ มีโปรโมชั่นมากมายไว้ชักจูงลูกค้าให้มาอุดหนุนจากลูกค้าที่เคยประจำซื้อของอยู่ที่ร้านขายของชำกลับหันหน้าไปซื้อร้านมินิมาร์ทที่ใหญ่โตแอร์เย็น ๆ แทน โดยลืมความซื่อสัตย์,ความมีน้ำใจที่ร้านขายของชำมีให้ ก็เหมือนผู้คนสมัยนี้ที่ชอบหลงไหลสิ่งที่ให้ความสะดวกสบายกว่าจนหลงลืมสิ่งที่เป็นกำพรืดของตน

    ขอบคุณค่ะ :))

    ตอบลบ
  18. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:33

    น.ส. มณีรัตน์ กินรี ม.4/3 เลขที่ 13
    กวีนิพนธ์เรื่อง บ้านเก่า ตอน "มิตรภาพในตรอกซอย"
    พูดถึงร้านค้าหรือร้านขายของชำในปัจจุบันนี้ไม่ได้มีแค่ร้านค้าหรือร้านขายของชำอีกแล้วมีทั้ง"มินิมาร์ท"ห้างสรรพสิ้นค้าและอีกมากมาย ร้านค้าของชำในปัจจุบันและอดีตจะชอบอยู่ตามชอกซอยมีชาวบ้านในซอยนิยมมากในอดีตพอมี"มินิมาร์ทหรือห้างสรรพสิ้นค้า"เข้ามาชีวิตของคนในซอยก็เปลี่ยนไปชื้อของในห้างสรรพสิ้นค้าหรือมินิมาร์ทแทนจากที่ต้องใช้แค่เงินสดก็ใช้บัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดได้และมีการบริการที่ดี เช่น บริการการเป็นสมาชิก มีแอร์ที่คอยให้ความเย้นสบายและสะดวกร้านค้าในปัจจุบันก็เหลือแต่ลูกค้าประจำที่เคยเข้าก็ยังใช้บริการเหมือนเคยเพราะถึงจะน้อยแต่มีคุณภาพและไม่ไร้น้ำใจ

    กวีนิพนธ์เรื่องบ้านเก่า ตอน "สองหู"
    จากบทความที่ได้อ่านทุกชีวิตมีการเกิดก็ย่อมมีการดับชีวิตคนเราไม่ได้มีความแน่นอนและมั่งคงเสมอไปเปรียบได้กับบทความที่บอก"ฟากนี้มีงานศพสงัด"การดับของทุกชีวิตก็มีการอาลัย โหยหาเป็นธรรมดา มีการจัดงานที่จะแสนโศกเศร้า อาลัย อาวร แต่อีกฝั่ง เป็นการทดแทนบุญคุณของบิดามารดาที่ได้เลี้ยงดูเรามาเป็นงานที่เบิกบานและครื้นเครงสนุกสนาน"หูของคนเรามีสองหู"อีกฝั่งโศกกา อีกฝั่งสนุกสนาน ก็เปรียบได้กับความสุขที่เคยมีและความเจ็บที่แสนโศกกาดั่งเช่นการจากไปของคนสำคัญกับเรา และการบวชของลูกชาย

    ตอบลบ
  19. น.ส.ภัชชา แซ่ฉั่ว ม.4/6 เลขที่ 31

    เรื่อง ' มิตรภาพในตรอกซอย '
    กล่าวถึงลูกค้าประจำหรือร้านขายของต่าง ๆ
    ปัจจุบันร้านค้ามักเป็นที่พึ่งพาให้แก่ลูกค้าได้เสมอ ๆ ไม่ว่าเราอยากจะซื้ออะไรร้านขายของชำก็จะมีให้หมด แต่พอนาน ๆ ไป มักมีการปรับเปลี่ยนร้านค้าการขายสินค้าแบบใหม่จากแค่มีร้านขายของชำ จะกลายเป็นมินิมาร์ท หรือที่เราเรียกง่าย ๆ ว่าร้านสะดวกซื้อนั่นเอง สังคมปัจจุบันก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามวัตถุประสงค์หรือปัจจัยต่าง ๆ รวมทั้งความนิยมของคนด้วย เพราะจากที่เราหรือคนในสมัยนี้ชอบความสะดวกสบาย . เช่น มินิมาร์ทอาจมีคูปองสะสมไว้ใช้แลกแต้ม ต่างกับร้านขายของชำที่ไม่มีการสะสมแต้ม คะแนนนิยมในการจำหน่ายซื้อขายจึงลดลง และคนส่วนใหญ่มักหันไปสนใจร้านสะดวกซื้อมากกว่าแล้วในปัจจุบัน แต่ถึงยังไงหนูก็คิดว่าร้านสะดวกซื้อคงไม่ดีไปกว่าร้านขายของชำหรอกค่ะ เพราะร้านขายของขำมีทุกอย่างที่เราต้องการ ถึงจะมีร้านมินิมาร์ทออกมา มันก็ไม่เท่ากับที่เราต้องการ บางอย่างก็ไม่มีและบางอย่างก็มี การมีร้านสะดวกซื้อในสังคมปัจจุบันไม่ช่วยลดหย่อนควาามต้องการสิ่งของที่เราต้องการได้


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


    เรื่อง ' สองหู '
    กล่าวถึงคนเป็นและคนตายในขณะที่คนตายแต่อีกฝากกลับมีงานรื่นเริง
    ไม่มีมารยาท ! ไม่ได้กลัวบาปกรรม ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งโศกเศร้า
    อีกฝ่ายกับอารมณ์ดีร้อง ๆ เล่น ๆ พระสวดมนต์อยู่ไม่รู้จักเกรงใจ
    หนูว่าพี่คนเขียนต้องการจะสื่อถีงสังคมในปัจจุบัน
    ที่ยังมีคนไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับการกระทำของตัวเองที่ไม่มีความเกรงใจ.
    ในความเห็นของหนู หนูคิดว่าบางคนก็คงมีเหตุผลที่กระทำอย่างนั้น
    แต่ทางที่ดีก็ควรที่จะเคารพทางอีกฝ่ายบ้างที่กำลังเสียใจกับการจากไปของคนที่สำคัญ บทความเรื่องนี้ทำให้รู้ถึงมุมมองสะท้อนสังคมสมัยนี้
    ที่ยังมีคนไม่เดือดร้อนกับการกระทำของตนที่เองที่ทำให้คนอื่นทุกข์ร้อน .

    ตอบลบ
  20. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:38

    น.ส. มณีรัตน์ กินรี ม.4/3 เลขที่ 13
    กวีนิพนธ์เรื่อง บ้านเก่า ตอน "มิตรภาพในตรอกซอย"
    พูดถึงร้านค้าหรือร้านขายของชำในปัจจุบันนี้ไม่ได้มีแค่ร้านค้าหรือร้านขายของชำอีกแล้วมีทั้ง"มินิมาร์ท"ห้างสรรพสิ้นค้าและอีกมากมาย ร้านค้าของชำในปัจจุบันและอดีตจะชอบอยู่ตามชอกซอยมีชาวบ้านในซอยนิยมมากในอดีตพอมี"มินิมาร์ทหรือห้างสรรพสิ้นค้า"เข้ามาชีวิตของคนในซอยก็เปลี่ยนไปชื้อของในห้างสรรพสิ้นค้าหรือมินิมาร์ทแทนจากที่ต้องใช้แค่เงินสดก็ใช้บัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดได้และมีการบริการที่ดี เช่น บริการการเป็นสมาชิก มีแอร์ที่คอยให้ความเย้นสบายและสะดวกร้านค้าในปัจจุบันก็เหลือแต่ลูกค้าประจำที่เคยเข้าก็ยังใช้บริการเหมือนเคยเพราะถึงจะน้อยแต่มีคุณภาพและไม่ไร้น้ำใจ

    กวีนิพนธ์เรื่องบ้านเก่า ตอน "สองหู"
    จากบทความที่ได้อ่านทุกชีวิตมีการเกิดก็ย่อมมีการดับชีวิตคนเราไม่ได้มีความแน่นอนและมั่งคงเสมอไปเปรียบได้กับบทความที่บอก"ฟากนี้มีงานศพสงัด"การดับของทุกชีวิตก็มีการอาลัย โหยหาเป็นธรรมดา มีการจัดงานที่จะแสนโศกเศร้า อาลัย อาวร แต่อีกฝั่ง เป็นการทดแทนบุญคุณของบิดามารดาที่ได้เลี้ยงดูเรามาเป็นงานที่เบิกบานและครื้นเครงสนุกสนาน"หูของคนเรามีสองหู"อีกฝั่งโศกกา อีกฝั่งสนุกสนาน ก็เปรียบได้กับความสุขที่เคยมีและความเจ็บที่แสนโศกกาดั่งเช่นการจากไปของคนสำคัญกับเรา และการบวชของลูกชาย

    ตอบลบ
  21. ตอน "มิตรภาพในตรอกซอย"
    บทความนี้กล่าวถึง มีร้านค้าอยู่ร้านหนึ่งเป็นร้านขายของชำ ร้านนี้เป็นร้านที่อยู่ตรงตรอกทุกซอยจะมีร้านแบบนี้เยอะมาก แต่แล้วก็มีร้านสะดวกซื้อหรือมินิมาร์ทเกิดขึ้นมาเต็มไปหมด แถมยังมีการลดราคาจึงทำให้คนแห่ไปที่ร้านสะดวกซื้อนี้มาก จึงทำให้ร้านของชำดูด้อยค่า แต่ก่อนไม่เคยมีการทำบัตรสมาชิกแต่ตอนนี้มีการทำบัตรสมาชิกอะไรไม่รู้เยอะแยะ วุ่นวาย จึงทำให้ร้านขายของชำดูแล้วไร้ค่าไม่น่าซื้อ คนส่วนมากก็ชอบที่จะไปร้านสะดวกซื้อนี้ ชอบไปเบียดแออัด ก็ไม่รู้ว่าทำไม จึงทำให้มิตรภาพดีๆที่เคยมีให้กันตอนนี้ก็ไม่มีอีกแล้ว เพราะ มีการแย่งกันซื้อของชิงดีชิงเด่นกัน และจึงทำให้ร้านขายของชำค่อยๆหายไปเรื่อยๆ
    จากบทความข้างตนที่กล่าวมา ทำให้ฉันรู้สึกว่า ร้านสะดวกซื้อก็มีข้อดีข้อเสียพอๆกัน ไม่ว่าจะเป็นข้อดีคือ มีความสะดวกสบาย มีของทุกอย่างที่เราต้องการ แต่ข้อเสียก็คือ ต้องไปแย่งกันซื้อของ แออัดกัน ดังนั้นฉันคิดว่าถ้าเราหันมาซื้อของร้านของชำสักนิดก็ถือเป็นการลดค่าใช้จ่ายไปในตัวด้วย เพราะ จะได้ไม่ต้องเสียค่ารถในการไปซื้อ ถือเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายภายในตัว ส่วนข้อเสียก็มีคือ ของบางอย่างที่เราต้องการมันก็อาจจะไม่มี จึงทำให้เราไม่สะดวกเท่าไรนัก แต่ทางที่ดีเราก็ควรที่จะใช้ประโยชน์ของร้านของชำและร้านสะดวกซื้อไปในทางที่ดี

    น.ส. กุลจิรา อากาศ ม.4/4 (เพิ่มเติมวรรณกรรมซีไรต์)

    ตอบลบ
  22. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:39

    น.ส.ชลิตา สุทธาวสินธุ์ ม4/5

    จากบทกวีนิพนธ์ เรื่องบ้านเก่าตอน "มิตรภาพในตรอกซอย"

    เนื้อหากล่าวถึง
    ร้านมินิมาร์ทเป็นร้านที่ผู้คนชอบเข้ากันแต่สมัยก่อนไม่มีใตรก่อตั้งเลย จึงไม่ค่อยสะดวกเท่าไรสำหรับคนสมัยก่อนแต่สมัยนี้มีร้านค้ามากมายแต่บางคนก็เลือกที่จะเข้าห้องแอร์เพราะมีความสบายนั่งในแอร์เย็นๆแต่เดี่ยวนี้ไม่ค่อยจะมีคนเข้าร้านตามซอกเท่าไรเพราะคนส่วนใหญ่มักนิยมจะเข้าแต่ห้องแอร์

    มุมมองของฉัน
    ฉันคิดว่า เรื่องนี้จะกล่าวถึงร้านขายของชำหรือร้านมินิมาร์ทที่ทุกๆซอยก็จะมี2ร้านนี้แทบทุกซอยประจำอยู่และเป็นร้านที่ทุกๆคนก็มักจะเข้ากันบ่อย และเป็นร้านที่สะดวกซื้อ แต่สมัยก่อนก็ไม่มีการตั้งร้านมินิมาร์ทหรือร้านขายของชำเพราะไม่มีใครที่จะคิดก่อตั้งแต่สมัยนี้ก็มีการก่อตั้งร้านมินิมาร์ทกับร้านขายของชำมากขึ้นและก่อตั้งกันทั่วประเทศ แต่คนส่วนมาก มักจะนิยมเข้าแต่มินิมาร์ท ส่วนน้อยที่จะเข้าร้านขายของชำเพราะว่าร้านมินิมาร์ทจะมีของขายเยอะและวก็มีแรงจูงใจที่ทำให้ลูกค้าเข้าเยอะ ถ้าจะกล่าวถึงความเป็นมิตรภาพเพราะว่าถ้าเราขาดเหลืออะไรเข้าก็ทำให้เราไว้ใจได้และร้านมินิมาร์ทก็จะมีแรงจูงใจตรงที่ว่ามีบัตรสมาชิกจะได้สะสมแต้ม ทำให้เราอาจจะซื้อสินค้าถูกกว่าคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ทำให้คนอื่นๆหันมาใช้บริการร้านมินิมาร์ทมากกว่าร้านขายของชำ เพราะร้านมินิมาร์ทจะสะดวกกว่าและสบายกว่า แต่คนส่วนบางทีก็ไม่เข้าร้านมินิมาร์ทหรือร้านของชำแต่ส่วนมากคนมักคิดว่าร้านที่หรูๆจะดีกว่าหรือมีของที่ดีกว่าจึงมักที่จะไปใช้บริการร้านหรูๆซึ่งฉันคิดว่าไม่จำเป็นขึ้นอยู่ที่คนที่นำมาขายว่าจะนำสินค้าที่มีคุรภาพมาขายหรือเปล่า

    ตอบลบ
  23. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:45

    น.ส.นิภารัตน์ ศรีพิโรจน์ ชั้น ม. 4/6 เลขที่ 38

    เรื่อง สองหู

    เนื้อหาเกี่ยวกับ ฟากนี้มีศพสงบสงัดอีกฟากของวัดจัดเลี้ยงอาหารฉลองบวชนาคมากมายรายการ สะท้อนเห็นว่าเมื่อมีเกิด แก่ เจ็บ ก็ต้องมีการตายเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว

    มุมมอง
    งานศพในเวลาตอนกลางวันมักจะเงียบสงบ
    แต่ในเวลาตอนกลางคืนมักจะมีเสียงพระสวด
    และบางครั้งอาจจะมีเสียงหมาเห่าหมาหอน
    แต่ผิดกับงานบวชนาคไม่ว่าจะเป็นเวลาตอนกลางวัน
    หรือตอนกลางคืนก็จะสนุกสนานมากเหมือนกันงานทั้งสองงานนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านและยังทำให้เราเห็นถึงความสามัคคีไม่ว่าจะเป็นงานศพ งานแต่ง หรืออาจจะเป็นงานบวชก็ตามชาวบ้านมักจะช่วยกันจักงานด้วยความเต็มใจถึงแม้อาจจะไม่ไช่ญาติพี่น้องก็ตาม
    การที่เรารู้จักช่วยเหลือคนอื่นมักจะทำให้คนอื่นรู้จักเรามากขึ้นโดยที่เราได้หวังอะไรตอนแทน การที่เราคิดอย่างนี้จะทำให้เรามีความสุขมากยิ่งขึ้น

    ตอบลบ
  24. ''นางสาวนฤมล อำมะลา'' วิชา พินิจวรรณกรรมซีไรต์



    กวีนิพนธ์ เรื่องบ้านเก่า ตอน มิตรภาพในตรอกซอย
    กล่าวถึง ร้านขายของชำ ร้านโชว์ห่วย ที่อยู่ตามตรอกซอยต่างๆ กำลังโดนแย่งลูกค้าไป มากๆ เพราะว่าไม่มีอะไรน่าดึงดูดใจเลย ทำไห้ร้าน ร้านมินิมาร์ท ห้างสรรพสินค้า ทั้งหลาย ขายของดี เป็นกอบเป็นกำ เพราะมีความสะดวกสบาย เช่น ซึ่งก็มีทังมีแอร์เย็นๆ มีคนพูดเพราะด้วย มีบัตรสมาชิกที่ยิ่งซื้อ ยิงถูก มีโปรโมชั่นซื้อเท่านั้นได้ฟรีเท่านี้ การส่งเสริมการขายก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
    ที่ดึงดูดลูกค้าได้ดี ทำไห้ร้านขายของ ธรรมดา ดูมีค่าน้อยลงไปเรื่อยๆ เราความสะดวกสบายแทบมี เลย
    **จากบทกวี เรื่องบ้านเก่า ตอน มิตรภาพในตรอกซอย
    ในความรู้สึกของข้าพเจ้า ร้านขายของชำ เป็นที่คุ้นเคยของข้าพเจ้ามาตั้งแต่เด็กเพราะชอบไปซื้อของ ไปซื้อขนม ห่อละ บาท สิบบาท บางทีร้านขายของนั้นเจ้าของร้านก็เป็นคนที่เรารู้จัก เป็นญาติๆกันในหมู่บ้าน ถ้าวันไหนเราไม่มีเงิน เราก็ไปขอติดเขาเอาไว้ก่อน แล้วค่อยมาจ่ายทีหลังก็ได้ ถ้าไม่มีอะไรทำ ก็จะไปคลุกไปเล่นอยู่กับร้านค้า ………
    แต่ความสะดวกสบายมันก็ไม่มีมากนัก ร้านขายของชำ ของมันน้อย บางอย่างที่เราต้องการใช้มันก็ไม่มี นัก ทำไห้เราไปซื้อที่อื่น เช่นห้างสรรพสินค้า มินิมาร์ท ต่างๆ ที่มี ของที่เราอยากได้ แต่ร้านขายของชำ ก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง เวลาที่เราต้องการ ซื้อของเล็กๆ น้อย เช่น ขนมอบกรอบ ขนมที่เด็กๆ กิน หรือของจำเป็นภายในบ้านเล็กๆ น้อยๆ
    อย่างเซเว่นที่เดี๋ยวนี้ มีแสตมป์สะสมที่เอาไปแลกนุ่นแลกนี่ได้ ไม่ใช่ไม่มอบนะ ชอบมากๆ แอร์ก็เย็น ของก็มีจำเป็นๆ ก็มีเกือบทุกอย่าง พนักงานต้อนรับดี ทำไห้เราอยากเข้า ไปซื้อ ต้องยอมรับว่า ของเขาดีจริงๆ

    กวีนิพนธ์เรื่อง บ้านเก่า ตอน สองหู
    สองหู กล่าวถึง งานบวช และงานศพ ได้ จัดขึ้นพร้อมๆ กันในวัด ที่มีพิธีกรรมแตกต่างกันมากๆ อีกด้านหนึ่งเป็นงานที่มีความดีใจ เบิกบานใจ อีกด้านหนึ่งเป็นงานที่ โศกเศร้าเสียใจ ไม่ว่าจะเป็นงวงดนตรีอีกวงที่เล่นเพลงแห่งความสูญสียอีกวงเล่นเพลงสนุกสนาน แยกความเป็นความตาย คนที่บวชก็กำลังจะเป็นพระ คนที่ตายก็กำลังจะกลายเป็น ผงธุรี ……..
    **จากบทกวีเรื่องบ้านเก่า ตอน สองหู
    ในความความรู้สึกของข้าพเจ้า คิดว่า ทำไมงานสองงานต้องมาจัดในวัดเดียวกัน วันเดียวกัน เวลาเดียวกัน
    ซึ่งทั้งสองพิธี นั้น ความรู้สึกของคนที่อยู่ในพิธี ก็ต่างกันสุดขั้ว ดีใจมาก กับเสียใจสุดๆ คิดแล้วสงสาร ความรู้สึกของคำ
    แบบว่า แห่นาคมาดีๆ มีคนแบกโลงศพ เดินข้ามไป ใจหายแวบๆ นะ ส่วนอีก ฝ่ายนั่งร้องไห้อยู่ เผาศพอยุ่ในยินเสียงเพลงเฮฮา ก็คงเสียความรุ้สึกไม่ใช่น้อย... สองพิธีนี้ อย่าอยุ่ไกล้กันน่าจะดีกว่า

    ตอบลบ
  25. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:46

    น.ส.สุภาพรณ์ กันทา ม.4/6 ตอน "มิตรภาพในตรอกซอย"
    เรื่องนี้เกี่ยวกับการขายของและสมัยก่อนมันไม่มีมินิมาร์ทและไม่มีของที่หรูหราราคาถูกๆและไม่มีของที่ลดราคาเหมือนมินิมาร์ทแล้วไม่มีของที่ราคาถูถูกโดนใจและไม่มีโปรโมชั่นใหม่ๆมาเลย จนมาถึงสมัยนี้มีแต่ของที่ราคาก็ไม่แพงมาก เพราะสมัยนี้จะมีคนมาเข้าร้านมินิมาร์ท เพราะมันมีของที่ราคาถูกและมีของเยอะกว่าสมัยก่อน เพราะสมัยก่อนมันไม่มีร้านขายของชำเหมือนมินิมาร์ท เดี๋ยวนี้ร้านขายของชำทุกที่ไม่ว่าที่ไหนจะมีของที่ราคาไม่ถูกเพราะมันไม่เหมือนสมัยก่อน

    ตอบลบ
  26. ตอน "สองหู"
    บทความนี้กล่าวถึง มีงานบวชกับงานศพจัดพร้อมๆกัน ณ สถานที่หนึ่ง แต่คนล่ะฝากกัน อีกฝากหนึ่งมีบวช และมีการเลี้ยงฉลองงานบวชนาค อบอวนไปด้วยความสนุกเบิกบาน พร้อมกับเคล้าไปด้วยกับการสวดศพของอีกฝากหนึ่งมีทั้งเสียงของเปิงมางและตะโพน สองหูจึงได้ยินทั้งสองงานไปพร้อมๆกัน จึงทำให้งานคนตายอละคนเป็นผสมคละเคล้ากันไป อีกงานหนึ่งของสนุกสนานจึงทำให้รู้สึกอย่างจะเห็น ส่วนอีกงานหนึ่งก็ช่างทุกข์ระทมพร้อมที่จะรอขึ้นเมรุเตรียมเผา จึงทำให้ทั้งสองหูรู้สึกอลเวง


    จากบทความข้างตนที่กล่าวมา ทำให้รู้สึกว่า มันน่าตลกดีที่ว่ามีงานศพและงานบวชในเวลาเดียวกัน สถานที่เดียวกัน เมื่ออ่านแล้วทำให้รู้ว่า ไม่ว่าจะงานที่เศร้าสุดๆ หรือสนุกสุดๆ มันก็เป็นงานที่สำคัญต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นงานศพซึ่งทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่คนเราต้องยอมรับ ส่วนอีกงานหนึ่งซึ่งเป็นงานบวชก็เป็นงานที่เราต้องทำเพื่อทดแทนบุญคุณของพ่อแม่
    ดังนั้นคำว่า สองหู นี้ก็คงจะหมายถึงคนเราควรที่จะมีความสุขและความทุกข์อยู่ในตัวด้วยไม่ใช่ว่าจะมีความสุขมากเกินไป หรือ ทุกข์มากเกินไป และคนเราก็จะคงมีความสุขและทุกข์ผสมกันไป

    น.ส. กุลจิรา อากาศ ม.4/4 (เพิ่มเติมวรรณกรรมซีไรต์)

    ตอบลบ
  27. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:49

    น.ส.ชลนิชา ทินบุตร ม.4/6

    เรื่อง สองหู
    เนื่อหาเกี่ยวกับงานศพและงานบวชที่แต่ละฟากต่างกัน
    งานศพจะโศกเศร้าแต่งานบวชจะเฮฮา

    มุมมองของดิฉัน
    มีงานที่มีทั้งงานศพและงานบวชแต่สองงานนี้แตกต่างกัน
    ทำไม่เหมือนกัน ฟากหนึ่งโศกเศร้าแต่อีกฟากหนึ่งเฮฮา
    งานศพก็มีแต่ความเศร้าแต่งานบวชมีแต่ความสุขสนุกสนาน
    มีลูกทุ่งหมอลำเต้นกันกระจายแต่ชีวิตคนเรามันไม่เหมือนกัน
    มีเกิดมีแก่มีเจ็บมีตายกันบ้างชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน
    ไม่รู้ว่าจะหมดลมหายใจตอนไหนแต่ถัมีชีวิตอยูได้นานก็ทำแต่ความดีกัน
    บวชให้พ่อแม่ที่คลอดเรามาตอบแทนพระคุณทรงที่เลี้ยงดูเรามา
    ทำแต่ความดีทำบุญไว้เยอะๆเพราะถ้าชีวิตเราสั้นตายไปจะได้ไปเกิด
    ในที่ดีๆหรือเป็นนางฟ้าเทวดาก็แต่ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนจริงๆ

    ตอบลบ
  28. น.ส.ปิยพร พูนทา ม.4/4 วิชาพินิวรรณกรรมซีไรต์
    กวีนิพนธ์เรื่อง บ้านเก่า ตอน "มิตรภาพในตรอกซอย"
    เนื้อหาเกี่ยวกับเมื่อก่อนเมื่อคนต้องการที่จะซื้อของเราก็ต้องไปซื้อที่ร้านขายของชำซึ่งแต่ละคนก็รู้จักแต่ในเรื่องนี้ร้านขายของชำเริ่มมีมากขึ้น และมีมินิมาร์ทมาเปิดเลยทำใหร้านขายของชำถูกแย่งลูกค้าเพราะมินิมาร์ทมีแต่ความสะดวกมากกว่าร้านขายของชำ มีทั้งแอร์ที่เย็นกว่า และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากกว่าร้านขายของชำ ร้านของขายชำ ไม่มีบัตรสมาชิก ไม่มีอะไรใหม่ๆให้สนใจ แต่มคนขายที่มีไมตรีที่ดี
    มุมมอง น่าสงสารและน้อยใจแทนร้านขายของชำเพราะมินิมาร์ทก็มาพัฒนามาจากร้านขายของชำแต่แค่มีความเย็นกว่า ความสะดวกกว่าแค่นั้นเอง เพราะคนสมัยนี้ชอบความสะดวกสบายมากเกินไปแต่ถ้าคนเรามีแต่คาวมสะดวกสบายมากเกินไปก็จะทำให้เราขี้เกียจแต่คนก็วิ่งเข้าไปลองคนใหม่เพื่อความสะดวกของตนเอง แต่ทุกคนไม่รู้เลยว่าร้านขายของชำยังมีแม่ค้าและพ่อค้าที่ยังมีความเมตตาอยู่อย่างเช่น ถ้าเราซื้อของ21บาท ถ้าเราเข้าไปซื้อของที่มินิมาร์ทเราก็ต้องจ่ายเงิน21บาท แต่ถ้าเราเข้าไปซื้อร้านของที่ร้านขายของบางเรืองเราอาจจะซื้อได้ในราคา20บาทก็ได้

    ตอบลบ
  29. น.ส.พนิดา เกตุพจน์ ชั้นม.4/5

    ความรู้สึกต่อกวีนิพนธ์เรื่องบ้านเก่า ตอน "สองหู"

    เนื้อเรื่องเกี่ยวกับวัดหนึ่งจัดงานบวชกับงานศพในวันเดียวกัน ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างความรู้สึกเกิดขึ้น

    แต่สำหรับความคิดเห็นของดิฉันรู้สึกว่า ในชีวิตจริงมันมีด้วยเหรอที่วัดจะจัดงานศพและงานบวชในวันเดียวกัน ถ้ามีก็อาจเป็นวัดที่ติดกันอะไรประมาณนั้น แต่สำหรับเรื่องนี้แล้วอาจเป็นวัดที่กว้างถึงกับจัดงานบวชและงานศพได้ในวันเดียวกัน อ่านแล้วมีความรู้สึกแตกต่างจริงๆค่ะ ไล่อ่านแต่ละบรรทัด ความรู้สึกแตกต่างกันออกไปเลย บรรทัดไหนบอกถึงความเศร้าของงานศพ ก็รู้สึกหดหู่ บรรทัดไหนบอกถึงความครื้นเครงของงานศพ ก็รู้สึกสนุกสนาน พูดง่ายๆว่า เห็นภาพเลยล่ะค่ะ ทว่า... ลองอ่านๆไป และคิดดูให้ดี ความจริงแล้ว มันไม่ได้รู้สึกดีเลย งานบวชมันก็ดี เป็นงานบุญงานกุศล ได้เข้าร่วมแล้วมีความสุข แต่... ดันมาจัดวันเดียวกับงานศพ ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม ความรู้สึกของดิฉันเหมือนเยาะเย้ยกันมากกว่า อีกด้านหนึ่ง น้ำตานอง อีกด้านหนึ่ง มีรอยยิ้ม ท่ามกลางความโศกเศร้าของฝั่งงานศพ ก็ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครม เฮฮาของเสียงฝั่งงานบวช ถ้าคิดกลับกันเป็นตัวเองที่นั่งอยู่ในงานศพ คนที่สำคัญตายจากไป ดิฉันคงรู้สึกแย่พอแล้ว ยิ่งได้ยินเสียงคนอื่นเฮฮา มีความสุขอยู่ใกล้ๆอีก คงคิดว่า แค่นี้ก็แย่พอแล้ว จะตอกย้ำกันไปถึงไหน ถึงแม้ว่าอีกฝั่งไม่มีเจตนาก็ใดๆก็ตาม นี่อาจเป็นเพียงความคิดเห็นของดิฉันต่อบทกวีนิพนธ์เรื่องนี้ แต่ถ้าได้ประสบเข้าจริงๆ ก็คงจะยิ้มไม่ออกอย่างในบทกวีแน่นอน

    ตอบลบ
  30. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:53

    นางสาว ศิรินภา วรรณโสภา
    ชั้นม .4/6 เลขที่ 42

    เรื่อง สองหู
    มีงานที่มีทั้งงานศพและมีทั้งงานบวช
    แต่ทั้งสองงานต่างฝ่ายต่างทำ
    ไม่มีใครสนใจซึ่งกันและกัน
    อยู่กันคนทั้งฟาก ฟากหนึ่งที่มีงานศพ
    มีแต่ความเงียบสงัด ไม่มีแม่แต่เสียงคนส่งเสียง
    แต่อีกฟากหนึ่ง มีงานบวชแต่มีแต่เสียนงคนที่โห้ร้อง
    เต้นรำทั้งเพลงกัน แต่แตกต่างกับงานศพ
    ที่ไม่มีแม้แต่เสียงคนร้องโห้ พากันแยกซ้ายแยกขวา
    ต่างฟากต่างไปงานของตนเอง งานศพก้มีแต่เสียงเศร้า
    นั่งร้องไห้ แต่งานบวชมีแต่เสียงโห้นั่งหัวเราะ

    มุมองของดิฉัน

    สภาพแวดล้อมเดียวนี้ไม่ค่อยที่จะเกรงใจกันเท่าไหร่
    ไม่ค่อยเห็นใจกัน อยู่คนล่ะฟากกันแต่ไม่ค่อยมีความเห็นใจกัน
    คนที่มีงานรื่นเริงก็ไม่สนใจคนที่มีงานแบบทุกข์ๆ
    งานศพก้มีแต่เสียงพระสวดไปเรื่อย ๆ
    แต่งานบวชก็มีแต่เสียงเพลงอย่างสนุกสนาน
    แต่มันตรงกันข้ามกับงานศพที่ไม่มีแม้แต่เสียงเพลงเลยสักนิด
    แต่มีแต่เสียงคนที่นั้งร้องไห้ นี่แหละสภาวะเดียวนี้
    ไม่ค่อยที่จะเห็นใจกันสักเท่าไหร่ มีแต่เอางานตัวเองอันไหน
    ก็สนใจแต่งานนั้นเพียงอันเดียว ไม่เคยสนใจงานรอบข้าง

    ตอบลบ
  31. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:53

    เพิ่มเติม น.ส ปิยดาพร หงษ์ประเสริฐ

    จากบทกวีเรื่อง "สองหู" ได้กล่าวถึงคนในยุคปัจจุบันที่มีงานภายในวัดอยู่2งานซึ่งคืองานมงคลหรืองานบวชเเละงานอัปมงคลงานศพที่จัดในวันเดียว เเละไม่ให้ความเคารพซึ่งกันเเละ งานหนึ่งมีคนมากมายเสียใจกับการจากลาของคนๆหนึ่ง เเละอีกงานหนึ่งซึ่งเป็นงานที่ลูกชายของเจ้าภาพได้บวชให้เเม่เเละพ่อได้จับชายผ้าเหลืองกับเขาซักทีจึงจัดอย่างรื่นเริงซึ่งไม่มีความเกรงใจเเก่อีกงานหนึ่งซึ่งเขานั่งเศร้าโศกเสียใจกับการตายของญาติเขา ซึ่งสะท้อนให้เห็นมุมมองอีกเเง่หนึ่งในสังคมยุคปัจจุบัน

    มุมมองของฉัน

    หนูคิดว่ามันไม่เหมาะสมเลยที่มีการจัดงานบวชเเละงานศพอยู่ภายในวัด ทั้งที่อีกงานหนึ่งนั่งร้องไห้กันจนเเทบตาย เเต่อีกงานหนึ่งกลับเปิดเพลงลูกทุ่งลูกกรุงที่มีความเพลิดเพลินเเละสนุกสนานดังสนั่น ซึ่งก็เหมือนงานเป็นกับงานตายที่อยู่ในวัดเดียวกัน ซึ่งดูเเล้วไม่เหมาะสมเเละไม่เป็นศิริมงคลสักเท่าไหร่นัก อยากให้ทั้งสองฝ่ายนั้นได้ให้ความเคารพซึ่งกันเเละกัน เเละมีความเกรงใจกันบ้าง เพราะยังไงซะเราเองก็เป็นคนไทยเเละอยู่ในเเผ่นดินเดียวกันภาษาก็ใช้ภาษาเดียวกันคงเข้าใจกับความรู้สึกของคนที่จะต้องเสียคนๆหนึ่งไป

    ตอบลบ
  32. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:53

    น.ส. สาวิณี เดชะเมธากุล ม.4/6 เลขที่33

    บทกวีนิพนธ์เรื่อง บ้าน เก่า ตอน มิตรนิภาพในตรอกซอย
    เนื้อหาเรื่องกล่าว่ามีร้านขายของมินิมาร์ทและร้านขายของชำอยู่หลายร้าน
    ปัจจุบันร้านมินิมาร์ทและร้านขายของชำจะมีลูกค้าประจำเป็นของตนเสมอ
    ร้านมินิมาร์ทนั่นจะมีของที่ลูกค้าต้องการมากมายหลายอย่างเช่นจานกระดาษ
    และปากกา เครื่องเขียนและเครื่องใช้อีกมากมายแต่บางอย่างร้านมินิมาร์ทก็ไม่มี
    สิ่งของที่เราต้องการใช้หรือต้องการจะรับประทานร้านมินิมาร์ทนั่นทุกร้านจะบริการ
    ลุกค้าได้ดีและเป็นที่ถูกใจแก่ลูกค้าที่มาซื้อของที่ร้านมินิมาร์ทเป้นจำนวนมาก
    ส่วนร้านขายของชำส่วนมากจะขายอาหารหรือของตั้งขายอื่น ๆ อีกมากมาย
    แต่ร้านขายของชำส่วนน้อยจะชอบด่าลูกค้าเวลาลูกค้าจู้จี้จุกจิกกันแต่เราเป็น
    คนขายของก้ควรจะให้เกรียติลุกค้าและตามใจลูกค้าบางนิด ๆหน่อย ๆ

    ตอบลบ
  33. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:57

    น.ส.วิจิตตรา ฟักทับทิม ม.4/5

    จากที่ได้อ่านเนื้อหาเรื่องบ้านเก่า ตอน สองหู

    เนื้อหาได้กล่าวถึงเรื่องงานศพและงานบวชว่าในขณะที่มีการจัดงานศพนั้น
    ภายในวัดสงบสงัดเงียบผู้คนพากันโศกเศร้านั่งในงานศพสงบในความทุกข์แต่ผิดกับงานบวชนาคที่ความสุขความเบิกบานพากันเปิดเพลงลูกทุ่งเสียงดั่งเสียงดั่งไปถึงฝั่งอีกด้านที่มีงานศพมีคนตายและในขณะเดียวกันถ้ามีคนสำคัญตายจากไปดิฉันจะมีความรู้สึกโศกเศร้าเช่นกันเหตุเช่นนี้ถ้าจัดงานบวชเราควร


    มุมของดิฉันที่ต่อเรื่องบ้านเก่า ตอน "สองหู"

    จากที่ได้อ่านเรื่องบ้านเก่า ตอน "สองหู"นั้นดิฉันคิดว่าในขณะที่มีการจัดงานบวชนั้นเราควรให้จัดแบบไม่เสียงดังมากเกินไปในขณะที่มีการจัดงานศพในฝั่งตรงกันข้ามควรมีความเกร่งใจแก่กันและในชีวิตจริงเหตุการณ์นี้เป็นจริงที่มีงานตรงข้ามกันอยูใกล้งานบวชมีความสนุกสนานเปิดเสียงเพลงสนั้นผิดกับงานศพที่ต้องการความสงบไปดิฉันจะมีความรู้สึกโศกเศร้าเช่นกันเหตุเช่นนี้ถ้าจัดงานบวชเราควรจัดต่พอเหมาะเห็นใจคนที่จักงานศพของฝั่งตรงข้ามบ้าง

    ตอบลบ
  34. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:58

    น.ส.ศศิธร ดอกพอง ม.4/5

    2.จากบทกวีเรื่อง กวีนิพนธ์เรื่องบ้านเก่า ตอน "สองหู"

    เนื้อหากล่าวถึง

    เรื่อง งานมงคลกับงานอวมงคล ที่ต่างฝ่ายต่างจัดงานตัวเองอยู่คนละฟากงาน แต่ความรู้สึกทั้งสองฟากจะไม่เหมือนกัน ทั้งสองฟากต่างพากันจัดงานกันอย่างดี ในขณะอีกฟากเป็นงานบวชต่างพากันจัดงานรื่นเริง เปิดเพลงกันดังสนั่น ขณะอีกฝ่ายหนึ่งคนในงานต่างพากันสงบเงียบและเศร้า มีแต่วงดนตรีปื่พาทย์และพระสวดไปตลอดงาน ต่างฝ่ายต่างพากันจัดงานของตนโดยไม่สนใจฟากหนึ่งเลย ถ้าฟังดีๆ จะรู้เลยว่าเราได้ยินอะไรจากฟากสองฟากบ้าง

    มุมมองของฉัน

    ฉันคิดว่า... การที่เรานั้นอยู่ในงานต่างๆ ไม่ว่างานมงคลและอวมงคลเสียงดนตรี อารมณ์ และการแต่งกายจะไม่เหมือนกัน การจัดงานของแต่ละฝ่ายก็จะไม่เหมือนกัน ผู้คนในงานต่างพากันสนใจงานของตน แต่มีคนบางคนที่สนใจในฝ่ายตรงข้าม แต่ถ้าฟังดีๆ ในขณะที่เรามีความสุขก็จะมีความทุกข์หรือไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือของคนอื่นก็ตาม โดยที่เราไม่รู้เลยว่า... ความสุขและความทุกข์จะมาในรูปแบบไหน ก็เหมือนกับงานรื่นเริงกับงานเศร้า ผู้คนต่างโยกย้ายกับเสียงดนตรีอีกฝ่ายต่างฟังการบรรเลงของวงปี่พาทย์ปะปนกับเสียงพระสวดอย่างสงบเศร้าในอารมณ์ สิ่งเหล่านั้นล้วนแต่เกิดในชีวิตเราทั้งหมด แต่ไม่เราไม่รู้... ไม่รู้เลยว่า เราจะเกิดในแบบเหตุการณ์นี้อย่างไรบ้าง เพราะฉะนั้นถ้าเราใช้หูทั้งสองข้างแล้วแยกแยะความคิดแล้ว เราก็จะรู้ว่า โลกนี้ก็จะมีสุขและทุกข์ด้วยเสมอ

    ตอบลบ
  35. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 22:59

    น.ส.ชุติกาญจน์ ทองคำสาร ชั้นม.4/5

    กล่าวถึงกวีนิพนธ์เรื่อง"บ้านเก่า" ตอน สองหู
    เนื้อหากล่าวถึงการจัดงานสองงานในวัดพร้อมกันก็เลย-
    เกิดความแตกต่างกันมากๆงานหนึ่งเป็นงานบวชนาค
    อีกงานเป็นงานศพ งานมันก็เลยตีกันทั้งบรรยากาศ
    ทั้งเสียงเพลงด้านหนึ่งเปิดเพลงเศร้าๆอีกด้านเพลงกันตรึม
    หมอลำสนุกสนาน นาคบวชในที่สุดก็ได้เป็นพระ-
    ทดแทนพระคุณพ่อแม่ แต่คนที่ตายก็รอเข้าเมรุจุดไฟเผา
    งานบวชแต่งตัวสดใสมีสีสันให้เกียรติแก่เจ้าภาพ
    งานศพแต่งตัวชุดดำ หรือขาวเค้าถือว่าเป็นการให้เกียรติแก่เจ้าภาพ
    และไว้อาลัยแก่ผู้ตาย...

    มุมมองของดิฉันที่มีต่อเรืองนี้
    มันก็เป็นเหมือนวงจรชีวิตของมนุษย์ที่เกิดแล้วก็ต้องมีตาย
    เป็นเรื่องธรรมดามากๆคนที่มีชีวิตอยุ่ถ้าเป็นผู้ชายก็ได้บวชทดแทน
    พระคุณพ่อแม่ พอลาบวชก็ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระมีความสุข
    ส่วนคนที่ตายก็เป็นไปตามเวรกรรม ผู้ที่เป็นญาติก็ต่างพากันเสียใจ
    ก็ได้แต่เพียงให้เค้าจัดงานศพให้ ทำพีธีกรรมทางศาสนา แล้วก็เข้าเมรุ
    รอจุดไฟเผาตามพิธีกรรมไป...T*T

    ตอบลบ
  36. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 23:06

    น.ส.นทีทิพย์ บินโอมา ม4/6
    กวีนิพนธ์เรื่องบ้านเก่า''สองหู''
    ดิฉันมีมุมมองว่า:อีกฝ่ายหนึ่งมีความร่าเริงส่วนอีกฝ่ายหนึ่งมีความสุขสนุกสนาน เฮฮา มีงานฉลอง บวชนาคบ้างละ งานศพบ้างละ และบ้างทีงานบวชเคล้าสวดงานตาย มีระนาด ตะโพน เผ่นโผน เปิงมางเป็นต้น ดิฉันเลยคิดว่าเราควรที่จะให้เกียรติงานซึ่งกันและกันบ้าง มีความรู้สึกนึกคิดกันบ้างว่าคนอีกฝั่งจะรู้สึกอย่างไร คนเรามันก็ต้องมี เกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แต่ใช่ว่าเราจะไม่เสียใจ เราก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา ส่วนเรื่องงานบวชนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของลูกที่เกิดมาเป็นผู้ชายที่บวชให้พ่อ-แม่ หรือโอกาสอื่นๆ ส่วนมากมั้งจะฉลองกันด้วยเครื่องดื่มสุรา ของมึนเมา เปิดเพลงดังๆรบกวนชาวบ้าน ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้คนรอบข้างหรื่อรอบบ้านรำคาญ เกิดความไม่พอใจอาจทำให้เกิดปัญหา ทะเลาะเบาะแวงกันก็เป็นได้ ฉะนั้นเราจึงต้องมีความเกรงใจซึ่งกันและกัน เคารพในกติกาและให้เกียรติกันทั้งสองผ่ายเป็นดีที่สุด...

    ตอบลบ
  37. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 23:06

    น.ส.นัทติยา บุญเพ็ง ม.4/6

    กวีนิพนธ์เรื่องบ้านเก่า ตอน "สองหู"
    เรื่องนี้เป็นการเปรียบเทียบระหว่าง ความเศร้าเเละความทุกข์เเละยังกล่าวถึงเศร้าของอีกฝ่ายหนึ่งเเละอีกฝ่ายหนึ่งก้สนุกเเละร่าเริง หนูคิดว่าการทำอะไรควรเกรงใจผู้อื่นเเละการเขาโศกเศร้ากับมาทำให้เขามีความไม่มีจิตใจที่เเจ่มใส่เเละยังเป็นศพหรืองานีท่มีความเศร้าตลอดเวลา เพราะบางครั้งคนเราต้องการ เกิด เเก่ เจ็บ เเละก็ ตาย เเละเหมือนความเข้ามาทำให้เรานั้นเศร้าเเละไม่ร่าเริงเเละบางคนก็ไม่มีความเกรงใจกันบางเเละอีกฝ่ายหนึ่งสนุกกับการร้องเพลง เเละเฮฮาร่าเริงเป็นส่วนมากเเละการดื่มสุรา เเละมีความบันเทิง

    เเละฉันคิดว่าการมีความเกรงใจต่อกันบางเเละเป็นความเเสดงนับถือความเป็นความตายคนบางคนก็ได้ เรื่องการที่จะสนุกสนานกับวันไม่มงคลควรหยุดการสนุกเเละร่าเริงอีกด้วย

    ตอบลบ
  38. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 23:08

    เพิ่มเติมของ น.ส.ปิยดาพร หงษ์ประเสริฐ

    มุมมองของฉัน

    บางทีก็น่าเห็นใจร้านชำเล็กๆซึ่งเขาได้ใช้เป็นสิ่งเลี้ยงชีพของตนเองเเละครอบครัว เเละเนื่องจากร้านมินิมาร์ท ซึ่งเป็นศูนย์รวมการค้าจึงทำให้ร้านชำนั้นขายไม่ดีเพราะไม่ค่อยมีคนมาซื้อ เเละยิ่งในปัจจุบันเเล้วตามตรอกซอยต่างๆนั้นได้มีร้านค้าสะดวกซื้อหรือมินิมาร์ทมากกว่าในสมัยก่อนๆนู้น เเละที่มินิมาร์ทหรือร้านสะดวกซื้อนั้นมีคนมาซื้อเยอะคงเป้นเพราะว่าบางทีของในร้านมันถูกกว่าตามร้านชำต่างๆเพราะบางร้านนั้นก็ขึ้นราคามากกว่าตามร้านมินิมาร์ทเพื่อให้ได้กำไรเเละนั้นก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะไปซื้อของตามร้านมินิมาร์ทหรือร้านสะดวกซื้อ

    ตอบลบ
  39. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 23:11

    น.ส.อนงค์นาฏ หวังจันทร์ ชั้น ม.4/6 เลขที่ 39

    เรื่อง"สองหู"
    เนื่อหาเรื่องนี้เกี่ยวกับงานศพและงานบวชมีการจัด
    เลี้ยงอาหารมากมายและมีการเล่นดนตรีระนาดตะโพน
    ทั้งงานบวชและงานศพทั้งซ้ายขวาทำให้คนในงาน
    ทั้ง 2 งานไม่รู้ว่าจะฟังเสี้ยงจากงานไหนดีมีทั้งเสียงดนตรีไทย
    จากงานศพส่วนงานบวชจะมีแต่เสียงเพลงลูกทุ่งและ
    เครื่องไฟเสียงลั่นประชันดนตรีกันเวลาห่มผ้ากาสาว
    นั่งในงานศพทุกคนสงบในความทุกข์

    มุมมองของเรา

    สภาพแวดล้อมในตอนนี้ไม่มีการเกรงใจสักเท่าไร
    ไม่ว่าจะมีงานบวชอยู่ที่บ้านและยังมีงานศพอยู่ข้าง ๆ บ้านเรา
    ก็ควรที่จะมีการปรึกษาว่าถ้างานบวชของเราจะมีการเปิดเสียงเพลงลูกทุ่ง
    ซึ่งจะทำให้ลบกวนงานศพหรือป่าว
    ถ้าเรามีการเกรงใจไว้ในตัวเรา
    จะได้ไม่เกิดปัญหาแบบนี้

    ตอบลบ
  40. สวัสดีค่ะดิฉันน.ส.วรานุช แสนเมืองมา ม.4/4 เลขที่32 หนูได้อ่านความคิดเห็นของคุณโชคชัยบัณฑิตเรืองบ้านเก่าตอน "มิตรภาพในตรอกซอย"
    บทกวีเรืองนี้พูดถึงเรื่องซอยซอยหนึ่งที่มีร้านของชำแถวแถวหน้าปากซอยและร้านสะดวกซื้อที่มีขาประจำ และร้านมินิมาร์ทจำพวกเซเวนหรือแม้แต่ร้านแฟมมิรี่ที่มีกันอย่างทั่วถึง และแอร์คอนดิชั่นร้อน กระหน่ำความร้อนจงลดราคา ร้านขายของชำอยู่ไกลจะสมัครสมาชิกก็ไม่ง่ายร้านขายของชำประจำซอยบัตรเครดิตสูงกว่าสมาชิก และมีคนเข้าออกในซอกกว้างไม่ร้างน้ำใจและไมตรีให้กันอาจเป๋นขาจรร้อนเหงื่อกระซิกก่อนจะพลิกฐานะกลายเป็นขาประจำ
    แสดงความรู้สึก หนูก็รู้สึกว่าสมัยนี้ร้านค้าอย่างเซเวนเอย แฟมมิรี่เอย ก็เยอะแยะเต็มบ้านเต็มเมืองหมดร้านขายของชำก็ไม่ค่องจะมี และสังคมในสมัยนี้ร้อนนนนนนมากกกก จึงทำให้ทุกคนกลายเป็นขาประจำของเซเวน

    กวีนิพนธ์เรื่องบ้านเก่า ตอน "สองหู"
    บริเวณ2ฟากของวัดมีฟากซ้ายและขวา ฟากซ้ายจะมีงานศพซึ้งเงียบ ส่วนอีกฟากของวัดก็จะมีการจัดเลี้ยงอาหาร ฉลองงานบวชนาคเบิกบานงาน มีดนตรีพื้นบ้านและเพลงลูกทุ่งดังเข้าหูทั้งซ้ายและขวา ทั้ง2ฟากมีทั้งงานมงคลและอมงคลเป็นนาคมนุษย์ที่สุดเป็นพระ อีกฟากงานอมงคลงานศพรอเผาเมรุเป็นเถาธุรี พระสวดเสียงค่อยหยาดย้อยปี่พาทย์อย่าคิดที่จะประมาทไม่อาจหลีกหนีเพราะไม่มีใครพ้นความตายได้นั่งในงานศพสงบในทุกข์สนุกในเพลงครัดเคร่งข้องขัดใช้หูข้างใหนฟังได้แจ่มชัดสงบสงัดในอลเวง
    แสดงความคิดคือทำไมจะจัดงานทั้งที ต้องจัดพร้อมกันหนูไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลยจัดงานทั้งสิ่งดีและไม่ดี

    ตอบลบ
  41. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 23:17

    น.ส.สาวิณี เดชะเมธากุล ม.4/6 เลขที่33

    บทกวีนิพนธ์เรื่อง บ้านเก่า ตอน สองหู

    มีเนื้อเรื่องกล่าวว่าในงานที่มีความรื่นเริงบรรเทิงสนุกสนานกับงานที่มีความ
    โศรกเศร้าตำใจงานที่อยู่ข้าง ๆเป็นงานวัดที่มีพระสวดเสียงค่อยหยาดย้อยปี่พาทย์
    ส่วนงานที่มีความบรรเริงนั่นมักเล่นบรรเทิงโดยไม่กลัวบาปบุญคุณโทษเลยเอา
    แต่ความสนุกสนานตามใจตัวเองเพียงเท่านั่นเองและโดยไม่คิดถึงคนที่ใกล้ตัวกันเลย
    บางทีเล่นสนุกบรรเทิงใจมากเกินไปจนเกิดความผิดใจกันและเกิดการทะเลาะ
    วิวาทกันฉะนั่นเราไม่ควรไปเที่ยวสนุกสนานเพียงเพื่อความสนุกสนานอาจจะก่อ
    ให้เกิดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเราเสมอตลอดเวลาได้โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย

    ตอบลบ
  42. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 23:18

    น.ส.ชลิตา สุทธาวสินธุ์ ม.4/5

    กวีนิพนธ์เรื่องบ้านเก่า ตอน "สองหู"

    เนื้อหากล่าวถึง
    การที่มีการจัดงานที่เป็นมงคลกับไม่เป็นมงคลพร้อมกันในวันเดียวแตอยู่คนละฟากซึ่งอีกฝั่งหนึ่งก็สนุกสนาน ร่าเริงไปกับการจัดเลี้ยงแต่อีกฝั่งหนึ่งนั้นก็กำลังโศกเศร้า เสียใจซึ่งแตละคนก็จะสนใจแต่งานของตนเอง แต่ขณะที่เรามีความสุขกับการจัดเลี้ยงนั้นเราไม่รู้เลยว่าอีกฝั่งหนึ่งนั้นนั่งสงบกับความทุกข์และนั่งฟังพระสวดและวงปี่พาทย์บรรเลงส่วนอีกฝั่งก็เปิดเพลงลูกทุ่งกันจนดัง

    มุมมองของฉัน

    ฉันคิดว่าเรื่องนี้จะกล่าวถึงการจัดงานที่เป็นมงคลกับอวมงคลพร้อมกันในวันเดียวกันซึ่งฉันคิดว่าไม่น่าจะจัดงานที่เป็นมงคลกับงานอวมงคลพร้อมกันเพราะว่าถ้าอีกฝั่งหนึ่งกำลังสนุกสนาน ร่าเริงกับการจัดงานเลี้ยงหรืองานบวชแล้วเปิดเพลงลูกทุ่งจนดังสนั่นแต่ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งกำลังนั่งเศร้าโศรก เสียใจ นั่งสงบแล้วมีเพลงวงปี่พาทย์บรรเลงอยู่แล้วนั่งฟังพระสวดซึ่งฉันคิดว่าไม่น่าเหมาะสมเพราะถ้ามันเกิดขึ้นกับเราบ้าง เราจะรู้สึกอย่างไร และฉันคิดว่าคนที่กำลังโศกเศร้าก็ต้องการความวงบ ความเงียบ ซึ่งอีกฝั่งหนึ่งก็ไม่คิดที่จะเกรงใจกันบ้าง คิดแต่ที่จะสนุกอย่างเดียว ไม่รู้สึกว่าเราจะรบกวนฝั่งตรงข้างๆหรือเปล่า เพราะคนสมัยนี้ไม่ค่อยมีความเกรงใจกันสักเท่าไร คิดอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่นึกถึงจิตใจของคนอื่นว่าจะเป็นอย่างไรทำให้คนสมัยนี้ไม่ค่อยมีมารยาทในการทำอะไรสักเท่าไร ดิฉันจึงคิดว่าเราควรมีความเกรงใจกันบ้างสักนิดไม่ทำอะไรที่มันเกินเหตุ เพราะจะทำให้ไปทำร้ายจิตใจของฝั่งข้างๆ
    ซึ่งฉันคิดว่าไม่เหมาะสมที่จะจัดงานแบบนี้ในวันเดียวกัน

    ตอบลบ
  43. น.ส.ปิยพร พูนทา ม.4/4 วิชาพินิวรรณกรรมซีไรต์
    กวีนิพนธ์เรื่องบ้านเก่า ตอน "สองหู"
    เรื่องเกี่ยวกับคนที่อยู่กลางระหว่างงานศพ และงานที่ร่าเริงคืองานบวชเดี๋ยวก็มีเสียงเพลงจากที่สนุกจากงานบวชและเดี๋ยวก็มีเสียงเศร้าโหยหวนจากงานศพและงานบวชไม่ได้มีแค่งานเดียว ทำให้หูทั้งสองข้างเกิดความสับสนและวังเวงไปพร้อมๆกัน
    มุมมอง รู้สึกน่าสงสารคนที่ได้ฟังคงรู้สึกสับสนมากๆเลยนะค่ะที่ต้องทนฟังเสียงที่เราสนุกสนานที่เปิดเปิดเพลงเสียงดังและมันมากๆคืองานบวชซึ่งบางทีเขาอาจจะแอบเต้นอยู่และที่ต้องเศร้าเมื่อได้ยินเสียงจากงานศพอาจจะร้องไห้ตามไปเลยก็ได้ในวันๆหนึ่งคนอยู่ที่ตรงจุดเกิดเหตุคงมีหลายอารมณ์มากเลย
    ร้องไห้ไป สนุกกับเพลงไป ฮาดี คิดแล้วน่าขำมากๆ สงสัยคนที่ได้ฟังจะอยู่ใกล้วัด

    ตอบลบ
  44. ไม่ระบุชื่อ25 มกราคม 2554 เวลา 23:26

    น.ส. สุภาพรณ์ กันทา ม.4/6 ''สองหู''
    เนื้อเรื้องเกี่ยวกับ ฟากศพสงบงัดและอีกฟากหนึ่งของวัดก็จัดงานเลี้ยงและมีอาหารฉลอง บวชนาคและงานบวชเขาสวดเหมือนงานตายมีเครื่องเสียงดนตรีไทย เช่น ระนาด ตะโพน เผ่นโพด เปิงมาง และสองหูสองข้างทางสองสายเหมือนลูกทุ่งกะหึ่มกันและอีกฟากหนึ่งของงานตายสัมปรายร่มเย็นเหมือนน้ำลวก และยังมีพระสวดเสียงเหมือนวงปี่พาทย์และในการจัดงานศพ งานจัดเลี้ยงวัดเป็นที่สนุกสนานมาก

    ตอบลบ
  45. นางสาวซัลมา รัตนสินอนันต์ ม.4/3
    เนื้อหานั้นได้กล่าวว่า
    เนื้อหาได้กล่าวถึงคนที่อยู่ท่ามกลางระหว่างงานศพและงานวันที่อยู่คนละฟังกัน ทางฝ่ายวัดก็มีเพลงสนุกเฮฮาครึกครื้นเพราะเป็นงานบวชนากมีเสียงเพลงผู้คนยิ้มแย้มดีใจ ปลื้มปิติ เสียงเพลงลูกทุ่งดังกระหึ่ม พรุ้งนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดา ในขณะที่อีกฝั่งเป็นงานศพผู้คนเงียบสงบเป้นทุกข์ในใจ รอไปเพื่อเผาศพนั้นให้เป็นผงธุรีเสียงสวดพระและวงปี่พาทย์ประชันกันกับเสียงเพลงลูกทุ่ง
    ความคิดของเห็นฉัน
    รู้สึกหลากหลายอารมณ์ อีกฝั่งเป็นงานศพแต่อีกฝั่งเป็นงานวัดในขณะที่ฝั่งงานศพกำลังนั่งเสียใจอยู่และรอคอยการการเผาศพนั่งฟังพระสวดมนต์ด้วยควาสงบเย็นใจเยือกเย็น อีกฟากเป็นงานบวชรื่นเริงปลื้มปิติเต้นกันกระจายไม่ได้คิดถึงความตายมีแต่น้ำตาแห่งความภูมิใจขิงพ่อแม่ทั้งๆๆที่พรุ้งนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาแล้วแต่วันนี้ก็ยังคงตัดกิเลสได้อยากให้คนเรานึกถึงความตายให้มากๆๆเราจะได้ตั้งใจทำต่ความดีไม่ออกนอกแนวทางของศาสนาจะได้สลดไม่ผิดศีลธรรมมีเครื่องคอยเตือนใจอยู่ตลอดเวลา

    ตอบลบ
  46. น.ส. วิชุตา ขำคม ม.4/3 /2557
    ความรู้สึกที่มีต่อมุมมองของคุณโชคชัย บัณฑิต
    เห็นด้วยกับมุมมองของคุณโชคชัย เพราะเมื่อนักเรียนสนใจนักเขียนคนไหนแล้ว ก็จะติดตามผลงานของนักเขียนที่ตัวเองชอบ อีกอย่างการเรียนในห้องเรียนอาจจะน่าเบื่อ อาจเปลื่ยนบรรยากาศมาเรียนภายนอก

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ตรวจแล้ว/ควรแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมที่เป็นของตัวเอง

      ลบ
  47. น.ส.ปาริชาต อินทรัตน์ ม.4/3 /2557
    มุมของคุณเนาวรัตน์ ทำให้ฉันได้รู้ว่าการที่เราจะทำอะไรสักอย่างเราต้องแรงบัลดาลใจ และเราต้องอย่างนั้นให้ได้ ใในการทำให้อะไรสักอย่างเราต้องตั้งใจ ที่จะทำอะไรให้สำเร็จ เหมือนเวลาเรียนเราก็ต้องออกมาศึกษาต่อนอกห้องเรียนเพื่อเพิ่มประสบการณและหาความรู้แปลกใหม่มาพัฒนาตัวของเราเอง

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ตรวจแล้ว/ มุมมองของคุณโชคชัยไม่ใช่ของคุณเนาวรัตน์ /สับสนไม่รอบคอบ

      ลบ
  48. น.ส.ปาริชาต อินทรัตน์ ม.4/3 /2557
    ดิฉันเห็นด้วยกับมุมของคุณโชคชัย บัณฑิต ที่ทำให้ฉันได้รู้ว่าการที่เราจะทำอะไรสักอย่างเราต้องมีแรงบันดาลใจ ว่าเราต้องอย่างนั้นให้ได้ และในการทำให้อะไรสักอย่างเราต้องตั้งใจ ที่จะทำอะไรให้สำเร็จ เหมือนเวลาเรียนเราก็ต้องออกมาศึกษาต่อนอกห้องเรียนเพื่อเพิ่มประสบการณ์และหาความรู้แปลกใหม่มาพัฒนาตัวของเราเอง

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ตรวจแล้ว / ควรทำให้ได้อย่างที่ตอบมาจะดีมาก

      ลบ
  49. น.ส. รุ่งนภา สุขฉัย ม.4/3 เลขที่ 15 /2557
    มุมมองของคุณโชคชัย บัณฑิต ถือว่าเป็นความคิดที่ดีค่ะเป็นสิ่งที่ทำให้นักเรียนได้แสวงหาความรู้เพิ่มเติมนอกห้องเรียนทำให้นักเรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์สามารถนำสิ่งที่ได้พบได้เห็นมาปรับเปลี่ยนใช้กับการเรียนการสอนทำให้นักเรียนมีทัศนติที่ดีเพิ่มอีกด้วยค่ะ

    ตอบลบ